|
|
|
|
 |
|
|
วิธีที่1
1.
ปั้นแต่งขอบ
2.
ลอง occlusion rim
- หาความอูมนูน
และ vertical dimension
3. เรียงฟัน
4. พิมพ์ปาก
5. บันทึกการกัดสบ
|
วิธีที่2
1.
ลอง occlusion rim
2.
เรียงฟันหน้า
3.
บันทึกการกัดสบ
|
|
|
|
วิธีที่1
1
ปั้นแต่งขอบ (ค.2)
- ทำการปั้นแต่งขอบในแต่ละขากรรไกรก่อน เพื่อให้การติดอยู่ของ
occlusion rim ดียิ่งขึ้นจากผนึกบริเวณขอบ
โดยอาจจะใช้
อะคริลิกที่บ่มด้วยแสง หรือ ใช้ putty type silicone ก็ได้

Video
Learning
: Uper border mold Lower
border mold
2.
ลอง occlusion rim (ค.2)
ขั้นตอนที่
1 การลองความอูมบน
ดูใบหน้าผู้ป่วยจากทางด้านหน้าและด้านข้าง พิจารณาความเหมาะสมของความอูมของริมฝีปาก
จนกระทั่งผู้ป่วยมีรูปหน้าส่วนบน
ที่ดูดีและเหมาะสมในการลองความอูมด้านข้างหรือด้านแก้ม
ให้สังเกตดูช่องข้างแก้มหรือช่องระหว่างแก้มโดยปกติควรจะมีช่องเล็กๆให้
เห็นเป็นเงาดำบ้าง
ไม่ควรทำให้ช่องนี้กว้างเกินหรือแคบเกินไปจนทำให้ดูมีฟันเต็มปากเมื่อแท่นกัดมีความอูมนูนที่เหมาะสมริมฝีปากจะมี
ลักษณะอิ่มเต็มไม่ดูหลุบไปด้านใน
ร่องริมฝีปากบนแสดงให้เห็นรอยหยักที่ชัดเจน และมุมปากไม่ตกหรือดูบวมตุ่ยขึ้นมา
ขั้นตอนที่
2 การหาตำแหน่งปลายฟันหน้าบน
โดยเฉลี่ยแล้วเมื่อมองใบหน้าด้านตรงในขณะผู้ป่วยอ้าปากไม่เกิน
2 ซม. ตำแหน่งปลายฟันหน้าบนควรจะอยู่ต่ำกว่าขอบล่างของริมฝี
ปากบนประมาณ 1-2 มม.
เมื่ออ้าปากกว้างขึ้นริมฝีปากบนก็จะคลุมปลายฟันหน้าบนมากขึ้นจนที่สุดก็จะมองไม่เห็นเมื่ออ้าปากกว้างเต็มที่
แต่ในขณะยิ้มก็จะเห็นปลายฟันมากขึ้นประมาณ
1/3-2/3 ของความยาวฟันหน้าบนและเห็นเต็มซี่ฟันเมื่อหัวเราะ
หรือเห็นถึงเหงือก ขณะเดียว
กันในผู้สูงอายุริมฝีปากบนจะหย่อนยาวลงมาทำให้ปิดบังปลายฟันหน้าบนมากขึ้นจนอาจมองไม่เห็น
การที่มองไม่เห็นปลายฟันหน้าบนอาจมี
ผลทำให้ผู้ป่วยดูเป็นผู้สูงอายุมากขึ้นด้วยการทดสอบตำแหน่งปลายฟันหน้าบนด้วยการออกเสียงทำได้โดย
เมื่อใส่แท่นกัดบนแล้วให้ผู้ป่วย
ออกเสียง /ฟ/
หรือ /ฝ/ เช่น ฝาฝีฟันเฟือง จะพบว่าปลายฟันหน้าบนจะแตะสัมผัสเบาๆ
ที่รอยต่อระหว่างเยื่อเมือกเปียกและแห้งของริมฝ
ี ปากล่าง (vermilion
border)
ขั้นตอนที่
3 การหาระนาบสบฟันบน
ระนาบของขากรรไกรบนจะแบ่งออกเป็น
2 ส่วนคือ ระนาบด้านหน้าและระนาบด้านข้าง ระนาบสบฟันด้านหน้าบนจะเป็นแนวต่อเนื่อง
ที่สัมพันธ์กับตำแหน่งปลายฟันหน้าบน
โดยระนาบนี้จะขนานกับแนวต่อของระดับรูตาดำซ้ายและขวาของผู้ป่วย
ส่วนระนาบด้านข้างจะต่อไป
จากระนาบด้านหน้าโดยมีการยกตัวขึ้นทางด้านท้าย
ซึ่งจะสัมพันธ์กับเส้นที่ลากระหว่างขอบล่างของปีกจมูกไปยังขอบบนของติ่งหน้ารูหู
(alar targus
line) หรือที่เรียกว่า เคมเพอร์ ไลนด์ (Camper's line) ซึ่งแนวนี้ได้มากจากการศึกษาระนาบสบฟันของฟันธรรมชาติจึงอาจ
แตกต่างกันไปบ้างตามลักษณะทางโครงสร้าง
ในการตรวจสอบว่าแนวระนาบสบฟันนั้นเป็นไปตามแนวที่กำหนดไว้หรือไม่จะใช้ฟอกซ์เพลนเป็น
เครื่องช่วย
ขั้นตอนที่
4 การลองความอูมล่าง
ในการลองความอูมล่างก็ใช้หลักการเช่นเดียวกันกับการลองความอูมบน
คือเพื่อให้ได้รูปของใบหน้าที่ดูสวยงามสมส่วน และให้การรอง
รับริมฝีปากล่างอย่างดีโดยดูได้จากลักษณะของริมฝีปากล่างที่ไม่หุบเข้าไปข้างในหรือบวมตุ่ยออกมา
ขั้นตอนที่
5 การหาตำแหน่งปลายฟันหน้าล่าง
โดยทั่วไปแล้วการหาตำแหน่งปลายฟันหน้าล่างมักจะไม่ค่อยสร้างความลำบากในการตัดสินใจเท่ากับการหาปลายฟันหน้าบน
หากได้ความอูมที่เหมาะสมแล้วระดับปลายฟันหน้าล่างมักจะอยู่ในระดับเดียวกันกับระดับขอบบนของริมฝีปากล่าง
ขั้นตอนที่
6 การหาระนาบสบฟันล่าง
ระนาบสบฟันล่างจะแนวที่ต่อเนื่องมาจากระดับของปลายฟันหน้าล่าง
โดยระนาบนี้จะเสมอไปกับขอบข้างของลิ้นในขณะพัก
และไปสิ้นสุดที่ระดับ
2/3 ของแผ่นนวมท้ายฟันกราม
|
|
|
ในการลอง
occlusion rim จะต้องพิจารณาทั้งการบูรณะความอูมนูนของใบหน้า
มิติในแนวดิ่ง และ ระนาบการสบฟันไปพร้อมๆกัน
เพื่อให้ได้แนวของการเรียงฟันที่เหมาะสมกับผู้ป่วยมากที่สุดทั้งในแง่ของความสวยงาม
และการใช้งาน ซึ่งสามารถตรวจสอบ โดยพิจารณาจาก
สัดส่วนของใบหน้า
การพูด การยิ้ม และ การออกเสียง |
|
ภาพแสดงการลอง
occlusion rim และการตรวจสอบ
Video
learning
: Finish u&l_vd |
|
|
|
3.เรียงฟัน |
|

|
|
|
-
การใช้ฟันหน้าและฟันหลัง
ที่จัดเรียงเป็นแผงสำเร็จรูป
จะทำให้ประหยัดเวลาใน
การเรียงฟันหน้าค่อนข้างมาก |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
-
ขั้นตอนนี้ทันตแพทย์อาจจะ
ทำเองหรืออาจจะให้ช่างทำก็ได้ |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
การเรียงฟันหน้าบนโดยทันตแพทย์
(ค.2) |
|
|
- ใส่
base plate บน ในปาก
-
ขีด midline ลงบน base plate
- นำ
base plate มาวางบนชิ้นหล่อ แล้วขีด midline ลงบนชิ้นหล่อ
- วาง
set up wax รูปตัว U บน base plate ตามแนวของสันเหงือก
- นำไปลองในผู้ป่วยจนเป็นที่พอใจ |

Video
learning
try
anterior teeth |
|
การเรียงฟันหลังบนโดยทันตแพทย์ (ค.2) |
|
|
- นำ
base plate มาวางบนชิ้นหล่อ แล้วติดแผงฟันหลังลงไปในตำแหน่งอย่างคร่าวๆ
- ใส่
base plate กลับเข้าไปในปาก ปรับแต่งให้ระนาบสบฟันให้ขนานไปกับ
alar targus line และอยู่ในระนาบเดียวกัน
- ทาวาสลีนที่ด้านสบฟันของฟันบน
พร้อมสำหรับการบันทึกการกัดสบกับ occlusion rim ล่าง
|
|
|
|
4.พิมพ์ปาก
(ค.2)
ขั้นตอน
การพิมพ์ปากขั้นสุดท้าย
ในการพิมพ์ขั้นสุดท้ายควรเลือกใช้วัสดุพิมพ์ที่มีความแม่นยำสูง
เสถียรภาพสูง ความหนืดปานกลาง เมื่อก่อตัวแล้วควรมีความแข็ง
คงรูปร่าง ดี และเหนียว จากการออกไปทดสอบระบบปฏิบัติงานในพื้นที่พบว่าวัสดุประเภท
โพลิอีเธอร์ และ ซิลิโคน ใช้งานได้ดี โดยโพลิอีเธอร์
มีความคงตัว
มีเสถียรภาพและการใช้งานที่ดีกว่า รวมทั้งไม่เป็นปัญหาเมื่อสัมผัสกับถุงมือยางพารา
ในกรณีที่มีผู้ป่วยมารับการรักษาเป็น
จำนวนมาก ควรใช้เครื่องผสมวัสดุพิมพ์ปากจะทำให้สามารถทำงานได้รวดเร็วขึ้น
ทั้งยังได้รอยพิมพ์ที่มีความถูกต้องแม่นยำสูงไม่สิ้นเปลือง
วัสดุและค่าวัสดุ ต่อผู้ป่วยแต่ละรายถูกลงมาก
|
|
|
การพิมพ์ปากอาจทำด้วยวิธี
closed mouth หรือ อาจทำการพิมพ์ปากแยกบนและล่างก็ได้
Video
learning
: Final
impression |
|
|
|
5.
บันทึกการกัดสบ (ค.2) |
|
|
-
บันทึกการกัดสบโดยทำรอยบากบน occlusion rim บน (ในกรณีที่เรียงฟันหลังบนแล้วก็ไม่ต้องทำรอยบาก)
ทาวาสลีนลงบนด้านสบฟัน
จากนั้นจึงใช้ตะเกียงพ่นไฟให้ขี้ผึ้งในบริเวณตำแหน่งฟันหลังล่างให้นิ่ม
จึงนำผู้ป่วยเข้าสู่ความสัมพันธ์ |

Video
learning
 :
bite regist final |
|
|
วิธีที่2

ลอง occlusion rim
Video
learning
: finish u&l_vd

เรียงฟันหน้า และทำการบันทึกการกัดสบ
Video
learning : try ant teeth
|
|
|
|
ปฏิบิตการ
2 (ป.2) |
|
|
1.ทำชิ้นหล่อstone
2. Mounting ใน articulator
3. เรียงฟันและแต่งขี้ผึ้ง
4. อัดอะคริลิกและขัดแต่ง |
|
|
|
1.ทำชิ้นหล่อstone
(ป.2)
|
|
|
|
- การทำชิ้นหล่อ
stone ก็อาศัยหลักการและวิธีการเช่นเดียวกับชิ้นหล่อปลาสเตอร์
เพียงแต่ว่าต้องให้ความใส่ใจในการเท stone
ให้คลุมส่วนที่เป็นขอบของฟันเทียมด้วย
เพื่อให้ขอบฟันเทียมที่ทำเสร็จมีขนาดและรูปร่างตามที่ได้ปั้นแต่งไว้แล้ว
และต้องไม่ให้ปูนเลอะเข้าไปในส่วนรอยบันทึกการสบฟัน
ซึ่งมีวิธีการดังต่อไปนี้ |
|
|
1.1
วิธีการทำชิ้นหล่อ stone (ป.2)
|
|
|
|
-
ยึด occlusion rim บนและล่างเข้าด้วยกันให้แน่นหนา โดยอาจจะใช้ขี้ผึ้งหรือใช้ใส้
max ก็ได้
-
วาดขอบเขตของการเทปูนบนขอบรอยพิมพ์โดยรอบ โดยให้ห่างจากส่วนขอบปลายประมาณ
3 มิลลิเมตร
-
เท stone ลงในรอยพิมพ์บนแค่พอดีขอบ
-
วาง occlusion rim ลงบนพื้นที่บุด้วยฟองน้ำอย่างหนา เพื่อป้องกันไม่ให้รอยพิมพ์ล่างเสียหาย
-
เมื่อปูนเริ่มอยู่ตัวแล้วจึงคว่ำรอยพิมพ์บนให้วางบนบล๊อกต่อฐานที่บรรจุ
stone ไว้จนเต็ม กดรอยพิมพ์ลงไปจนกระทั่ง stone
ขึ้นมาคลุมถึงรอยที่ทำเครื่องหมายไว้
-
เมื่อ stone เริ่มแข็งตัวจึงทำการตกแต่งขอบให้เรียบร้อยอีกครั้ง
-
รอจนกระทั่ง stone แข็งตัวเต็มที่จึงเริ่มทำการเท stone ในส่วนของรอยพิมพ์ล่าง
ด้วยวิธีการเช่นเดียวกัน |
|
|
1.2
ข้อดีของการเทรอยพิมพ์วิธีนี้ (ป.2)
|
|
|
-
รอยบันทึการสบฟันไม่เสียหาย
-
สามารถได้รอยพิมพ์ที่เก็บรายละเอียดข้อมูลในส่วนขอบปลายได้เป็นอย่างดี |
|
|
|
2. Mounting
(ป.2) |
|
|
|
ในการทำฟันทดแทนทั้งปากวิธีนี้จะทำการ
mounting ใน articulator แบบ plane line มีวิธีการดังนี้
-
วาง plane line ลงบนพื้นกระเบื้อง
-
ผสมปลาสเตอร์วางก่อลงไปในส่วนฐาน
-
วางชุด occlusion rim พร้อม ชิ้นหล่อ ลงบนปลาสเตอร์ ปรับตำแหน่งให้เรียบร้อย
-
ปิดส่วน upper member ลงมา
-
ผสมปลาสเตอร์ปิดทับในส่วนบน
-
ทำการตกแต่งปูนให้เรียบร้อย |
|
|
|
3. เรียงฟันและแต่งขี้ผึ้ง
(ป.2) |
|
|
|
-
ในการเรียงฟันและแต่งขี้ผึ้งจะต้องไม่แกะส่วน base plate ออกจากชิ้นหล่อโดยเด็ดขาด
เนื่องจากส่วนฐานถูกฉาบด้วยวัสดุพิมพ์ไว้
หากแกะออกจากกันแล้วจะไม่สามารถวางกลับลงไปให้เข้าที่เหมือนเดิมได้
- เนื่องจากฟันที่ใช้เรียงนี้มีลักษณะที่ยึดกันเป็นแผงสำเร็จรูป
ประกอบด้วยชุดฟันหน้า และ ชุดฟันหลังชนิดระนาบเดียว
จึงสามารถย่นระยะเวลาในการเรียงฟันได้อย่างมาก |
|
|
หลักกการเรียงฟันแบบระนาบเดียว
(ป.2) |
|
เรียงฟัน
(ป.2) |
|
ในกรณีที่ทันตแพทย์ไม่ได้เรียงฟันมาให้มีวิธีการดังต่อไปนี้
1.
ขีดเส้น midline ลงบนชิ้นหล่อ
2.
ตัดขี้ผึ้งในส่วนของฟันหน้าออกเกือบทั้งหมด โดยเหลือเฉพาะในส่วนฐานที่ติดกับ
base plate
จากนั้นทำการพ่นไฟให้นิ่มจนพอปั้นได้
3.
วางชุดแผงฟันหน้าบนลงไปในตำแหน่ง contour เดียวกับของ
occlusion rim และปลายฟัน
อยู่บนระนาบสบฟันเดียวกันกับส่วนหลัง (ตรวจสอบโดยใช้
plate สำหรับเรียงฟัน)
4.
ในระหว่างที่รอการแข็งตัวของชุดแผงฟันหน้าบน ให้ทำการเรียงชุดฟันหน้าล่างด้วยหลักการและวิธีการเดียวกัน
5.
ทำการเรียงชุดฟันหลังบน
6.
ตรวจสอบระนาบสบฟันบนอีกครั้ง หากไม่เป็นระนาบเดียวกันให้ทำการพ่นไฟในส่วนของขี้ผึ้งให้นิ่ม
จากนั้นจึงนำ plate
มาวางทาบแล้วทำการขยับฟันจนกระทั่งชุดฟันทั้งหมดมีด้านสบฟันที่อยู่ในระนาบเดียวกัน
7.
เมื่อขี้ผึ้งแข็งตัวแล้วจึงเริ่มเรียงฟันหลังล่าง
โดยให้ระนาบสบฟันแนบสนิทกับฟันบน
8.
เมื่อขี้ผึ้งทั้งหมดแข็งตัวดีแล้วจึงทำการแต่งขี้ผึ้ง
(
ในกรณีที่ทันตแพทย์เรียงฟันบนมากให้แล้วก็ให้พิจารณาว่าทำถึงขั้นตอนใด
ก็ให้ทำต่อไปเลยตามลำดับที่กล่าวมาข้างต้น ) |
|
การแต่งขี้ผึ้ง
(ป.2) |
|
การแต่งขี้ผึ้งก็ใช้หลักการและวิธีการที่ทำกันโดยทั่วไป
แต่ก็ยังมีเทคนิกที่ทำให้สามารถทำงานได้อย่างรวดเร็วคือ
1.
ในขณะเรียงฟัน
ใช้ขี้ผึ้งในปริมาณแค่เพียงพอสำหรับยึดซี่ฟันเท่านั้น
(under contour) และแต่งให้เป็นรูปร่างเพียงคร่าวๆ
2.
ใช้ขี้ผึ้งที่ตัดเป็นแผ่นยาวโดยมีความกว้างประมาณระยะจากขอบปลายมายัง
ตำแหน่งกลางซี่ฟัน
3.
พ่นไฟให้แผ่นขี้ผึ้งนิ่ม จากนั้นจึงนำไปคลุมส่วนผิวของขึ้ผึ้งเดิมทั้งหมด
4.
ใช้นิ้วในการกดแผ่นขี้ผึ้งให้แนบและแต่งรูปร่างไปในตัว
5.
ใช้ carver แต่งขี้ผึ้งในส่วนขอบเหงือก
6.
ใช้ torch พ่นไฟให้ผิวขี้ผึ้งเนียนเรียบตามรูปร่างที่ทำไว้ |
|
ลง
flask (ป.2) |
|
1.
เคาะเอาชิ้นหล่อออกมาจาก articulator
2.
ทำการลง flask และ ไล่ขี้ผึ้ง ตามวิธีการปกติ โดยมีสิ่งที่ต้องทำเป็นพิเศษคือ
-
ทำเครื่องหมายเพื่อระบุผู้ป่วยไว้ที่ฐานชิ้นหล่อ
และ บนผิวปูนในส่วนของ lower half
-
เมื่อไล่ขี้ผึ้งออกแล้วจึงทำการวาดและขูด post dam |
|
การทำ
post dam (ป.2) |
|
1.
วาดขอบด้านท้ายของ post dam โดยดูจากตำแหน่งขอบท้ายของ
base plate บน
2.
จากนั้นจึงวาดขอบหน้าให้มีรูปร่างดังภาพ |
|
|
|
|
|
|
|
|
4. อัดอะคริลิก (ป.2) |
|
|
|
การอัดอะคริลิกก็ใช้วิธีการตามปกติ
เพียงแต่ผสมเพื่อให้ก่อตัวอย่างรวดเร็ว ดังนี้ |
|
|
ขัดแต่ง
(ป.2) |
|
|
|
1.
การขัดแต่งก็ทำตามวิธีการปกติอีกเช่นกันค่ะ
2. ลักษณะของฟันทดแทนทั้งปากที่ขัดแต่งได้อย่างเรียบร้อยพร้อมใส่มีดังนี้
-
ไม่มีครีบหรือปุ่มแหลมคมใดๆ
-
ผิวด้าน polishing surface เรียบและมัน |
|
|
|
|
|